Last updated: 18 ม.ค. 2561 | 1431 จำนวนผู้เข้าชม |
Ian Bremmer นักเขียนของนิตยสารTime (Nov 13, 2017) เขียนบทความ "Advantage China" หรือ "จีนที่ได้เปรียบ"เพื่อเป็นการวาดภาพให้คนอ่านเห็นว่า ตรงกันข้ามกับที่คนส่วนมากคาดคิด เศรษฐกิจของจีนที่มีรัฐบาลเป็นตัวนำถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้จีนเป็นผู้ชนะในอนาคต
นิตยสาร Time เอาเรื่องนายเอียนขึ้นปก โดยพาดหัวว่า China Won แปลว่าจีนชนะแล้ว
นายเอียนเขียนว่า โมเดลของเศรษฐกิจจีนที่ใช้การผสมผสานระหว่างอำนาจนิยมและทุนนิยม (authoritarian-capitalist model)ไม่น่าที่จะอยู่รอด หรือเจริญรุ่งเรืองได้ในตลาดเสรีของโลก เมื่อ5ปีที่แล้ว มีความเห็นพ้องต้องกันในโลกตะวันตกว่า สักวันหนึ่งจีนจะต้องมีการปฏิรูปการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อที่จะให้รัฐบาลมีความชอบธรรมหรือมุ่งไปสู่ระบบที่เสรีมากขึ้น เพราะว่าจีนจะไม่สามารถรักษาระบบทุนนิยมที่รัฐเป็นผู้ดูแลกำกับได้
แต่ที่ไหนได้ นายเอียนยอมรับว่า ทุกวันนี้ ระบบการเมือง และเศรษฐกิจของจีนมีความพร้อม และยั่งยืนมากกว่าระบบของสหรัฐที่มีอิทธิพลเหนือระบบเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่2เสียอีก
ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสามารถของจีนที่จะใช้บริษัทที่รัฐบาลดูแลกำกับเพื่อที่จะสร้างอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั้งในเวทีในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เป็นที่แน่นอนว่าภายในปี2029 เศรษฐกิจของจีนจะมีขนาดใหญ่แซงหน้าสหรัฐตามการศึกษาของCenter for Economics and Business Research
มันเป็นไปได้อย่างไร ที่จีนจะใช้เวลาเพียง50ปีเท่านั้น ระหว่างปี1979 ถึงปี2029ในการแซงหน้าสหรัฐ โดยเริ่มต้นจากซากปลักหักพังของการปฎิวัติภายในประเทศ และการปิดประเทศกลับมาฟื้นตัว และกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกแทนสหรัฐ
เศรษฐกิจของจีนเป็นมิราเคิ้ลจริงๆ โดยไม่มีประชาธิปไตยเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย
ในปี1979 เติ้ง เสี่ยวผิงประกาศเปิดประเทศยกเลิกแนวทางคอมมิวนิสต์แนวอนุรักษ์นิยมที่ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ มาใช้แนวทางทุนนิยมแทน แต่ในทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงกุมอำนาจเด็ดขาดอยู่เหมือนเดิม ผลก็คือ ต่างชาติเอาเงินมาลงทุนในจีนเพราะว่าต้องการได้ตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่า1,000ล้านคน รวมทั้งค่าแรงงานของจีนถูกอีกด้วย ทำให้จีนกลายเป็นโรงงานของโลก และเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าภาคอุตสาหกรรมเกือบทุกอย่าง
จีนก๊อปปี้เทคโนโลยี่ของต่างชาติทุกชิ้น และ เรียนรู้เร็วมาก ทำให้ตอนนี้จีนมีเทคโนโลยี่ทุกอย่างอยู่ในมือพร้อมแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโลกตะวันตกอีกต่อไป
ขอเน้นจีนอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี่จากโลกตะวันตก
ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางมาเยือนเอเชียระหว่างวันที่3-12 พฤศจิกายน 2017 เพื่อส่งสัญญานให้จีนและให้โลกได้รับทราบว่า อิทธิพลในภูมิภาคเอเชียนี้สหรัฐต้องมาก่อน ไม่ใช่จีน
มีการเตรียมสกริ๊ปให้ทรัมป์บอกกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ว่านโยบายอเมริกาต้องมาก่อน (America First) ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐจะยอมสูญเสียอิทธิพลในภูมิภาคให้กับจีน
สำหรับเวียดนามและฟิลิปปินส์ที่มีปัญหากับจีนในการอ้างกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะทะเลจีนใต้ ทรัมป์จะพยายามสื่อความให้ผู้นำทั้ง2ประเทศว่า จะช่วยดูแลดุลอำนาจในทะเลจีนใต้ พูดง่ายๆ ทรัมป์จะบอกผู้นำเวียดนามและฟิลิปปินส์ว่าพวกยูไม่ต้องกลัวจีน เพราะว่าไอจะอยู่เคียงข้างยูเอง
แต่เมื่อทรัมป์มาถึงเอเชีย เขาพบความจริงว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกต่อไป
จีน และรัสเซียที่ซุ่มมองอยู่ในเงามืด โดยมีเกาหลีเหนือเป็นเป้าหลอกมีความเข้มแข็งมากทางด้านแสนยานุภาพทางทหารที่ไม่ด้วยกว่าสหรัฐ แถมอาจจะเหนือกว่าในบางระบบการรบ
เศรษฐกิจจีนแม้ว่าจะชะลอตัวลงบ้างแต่ยังเข้มแข็งที่สุดในโลก จีนค้าขายกับทุกประเทศ และกำลังสร้างระเบียบการค้าหรือเศรษฐกิจโลกใหม่ที่ออกจากอิทธิพลของกลุ่มแองโกลอเมริกัน ที่สำคัญจีนกำลังสร้างเปโตรหยวน ซึ่งจะเริ่มให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างภายในสิ้นปีนี้เพื่อที่จะล้มเปโตรดอลล่าร์
หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนเอเชีย ทรัมป์พบว่าเขากลับบ้านมือเปล่า ไม่ได้อะไรเลย เพราะว่าอำนาจการต่อรองของจีนไม่ได้ด้อยกว่าสหรัฐอีกต่อไป
ที่ขู่เกาหลีเหนือมาตลอดว่าจะถล่มให้ราบคาบ เพราะเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่เอาเข้าจริงสหรัฐกลับออกข่าวสลับไปมาว่าต้องใช้การเจรจาทางการทูตด้วย เพราะว่าทั้งจีนและรัสเซียแบ็คเกาหลีเหนืออย่างมั่นคง
ทรัมป์จะบีบประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเรื่องเกาหลีเหนือและเรื่องที่สหรัฐขนาดดุลการค้ากับจีนอย่างมหาศาล ก็ทำอะไรไม่ได้ถนัดมือ
ช่วงที่ทรัมป์เจอกับสีที่กรุงปักกิ่ง สีคงจะพูดกับทรัมป์ว่า ลื้อยกทัพมาขู่เกาหลีเหนือ หรือมาปิดล้อมประเทศจีนของอั๊วกันแน่ ก่อนจะทำอะไรคิดให้ดีๆก่อนนะ ส่วนเรื่องการค้าอั๊วผลิต ลื้อซื้อ ทำให้ลื้อขาดดุลการค้าไอ ลื้อต้องการให้อั๊วซื้อสินค้ายูเพิ่มได้อย่างไร ในเมื่อลื้อไม่ผลิตของอีกแล้ว ลื้อไม่มีโรงงาน มีแต่การบริโภค หรือสร้างหนี้เพื่อการบริโภค แล้วจะให้อั๊วทำอย่างไร
นายIan Bremmer แห่งนิตยสารTime เขียนว่า ผู้นำของมหาอำนาจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย ตุรกี และอินเดีย กำลังเดินความเป็นผู้นำของจีนด้วยการสร้างระบบที่รัฐบาลกำกับและดูแลการค้าและเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันควบคุมการเมืองภายในประเทศ ควบคุมการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และควบคุมข่าวสารต่างๆ
จีนเดินตามแนวนโยบายนี้มาหลายทศวรรษแล้ว โดยหันหลังให้เสรีนิยมประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง และตอนนี้จีนมีผู้นำที่เข้มแข็งมาก คือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนโยบายจีนสามารถสร้างชาติใหม่ให้เข้มแข็งไล่ทันมหาอำนาจโลกตะวันตกได้
ในขณะเดียวกันโมเดลของเสรีนิยมประชาธิปไตยของสหรัฐกลับทำให้สหรัฐมีผู้นำที่อ่อนแอที่สุดในเวลานี้
พวกอเมริกันและยุโรปต่างคาดคิดว่าการพัฒนาของมุษย์ในระยะยาวแล้วจะมุ่งสู่เสรีนิยมประชาธิปไตย แต่นายเอียนแห่งTimeตั้งคำถามว่า "พวกเขาคิดเรื่องนี้ผิดได้หรือไม่?"
ฝรั่งเริ่มยอมรับแล้วว่า ประธาชาธิปไตยไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
Cr.thanong
13 ก.พ. 2561
13 ก.พ. 2561
13 ก.พ. 2561
12 มี.ค. 2561