สัมโมทนียกถาโดยพระธรรมมงคลญาณ วิ.

Last updated: 13 ก.พ. 2561  |  854 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2560 เวลาประมาณ 14.30 น.

พระธรรมมงคลญาณ วิ. (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร และประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ได้เดินทางมาถึงบริเวณงาน เพื่อเป็นประธานในพิธี

ต่อมาคุณศิริธัช โรจนพฤกษ์ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพฯ นำกล่าวรายงานครบรอบ 20 ปี ของสถาบันฯ

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสดุดี หัวข้อ สถาบันพลังจิตตานุภาพกับการบริหารราชการแผ่นดิน

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย กล่าวสดุดีหัวข้อสถาบันพลังจิตตานุภาพกับการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ

พระธรรมมงคลญาณ วิ. เมตตากล่าวสัมโมทนียกถา มีใจความสำคัญว่า

“สวัสดี เสียงยังอยู่ ได้มาเห็นที่นี่นะ 77 จังหวัด เข้ามานั่งสมาธิอยู่รวมอยู่ที่นี่ มันเป็นประวัติศาสตร์ แล้วก็ท่านรัฐมนตรี และอดีตผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2 ท่านได้มากล่าวปราศรัย สองอย่างนั้นก็เป็นคำกล่าวที่หลวงพ่อต้องการทั้งหมด แล้วก็ถูกต้องทั้งหมด เท่ากับว่าเป็นตัวแทนมากล่าวแทนหลวงพ่อ

แต่ว่าวันนี้ก็มีข่าวพิเศษ ขอให้โยมฟังให้ดี ข่าวพิเศษหมายถึงว่า เราพากันทำสมาธินี่ทำไปทำไม แต่ก่อนตอบได้ไหม แต่ก่อนตอบไม่ได้ เดี๋ยวนี้ตอบได้แล้วทุกท่าน ทำสมาธิเพื่อสร้างพลังจิต แล้วก็สร้างพลังจิต สร้างไปทำไม ก็สร้างพลังจิตไปเพื่อที่จะให้สามารถควบคุมจิตใจได้ สามารถที่จะให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต เพราะว่าถ้าขาดพลังจิตไปนี่ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ถ้ามีพลังจิตนี่ ทำอะไรเกิดขึ้นก็สำเร็จ เพราะฉะนั้นหลวงพ่อจึงประกาศจัดตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ เพื่อที่จะให้สมาธินี้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ข่าวพิเศษก็คือว่า ให้พวกเรารู้จักว่า การที่เราทำสมาธินี่ มันมีผลออกมาอย่างไร ผล 3 ประการจะเกิดขึ้นจากการที่เราทำสมาธิ อันนี้ลืมไม่ได้ ผลที่หนึ่งคือการรับผิดชอบสูง ที่สองคือการมีเหตุผล ที่สามคือความมีเมตตา คุณธรรม 3 อย่างนี้จะเกิดขึ้น เมื่อสมาธิเราได้สร้างขึ้นทุกวันทุกวัน ท่านทั้งหลาย การสร้างสมาธิแม้ว่าจะนาทีเดียว 2 นาที 5 นาทีก็มีผล มีผลทั้งนั้น เงินถึงแม้ว่าจะบาทเดียวก็มีผล มีผลทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่ทำสมาธิแล้ว แต่ละครั้งนี่จึงมีความหมาย มีความหมายว่าเราได้สะสมพลังจิต การสะสมพลังจิตมีหนทางเดียว หนทางเดียวก็คือการทำสมาธิ การที่จิตจะเป็นสมาธิก็มีหนทางเดียวอีก คือการนึกพุทโธ พอนึกพุทโธแล้ว ก็จะเหลือจิตเป็นหนึ่ง เมื่อจิตเป็นหนึ่ง จิตก็เป็นสมาธิ ก็ผลิตพลังจิต พอผลิตพลังจิตแล้ว พลังจิตก็เข้าไปสะสมไว้ที่จิตก็มากขึ้น ก็แก่กล้าขึ้น ก็ทำให้เกิดความสุข ความเยือกเย็น ความซาบซึ้ง ความเอิบอิ่ม จะเกิดขึ้นแก่ตัวของเรา นี่คือสิ่งสำคัญ เพราะว่าเมื่อทำไปนี่ ไม่ใช่ว่าทำทิ้ง ทำแล้วเก็บไว้เป็นชิ้นเป็นอัน เช่นอย่างทำสมาธิ 3 ครั้ง 10 ครั้ง ก็เป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อเป็นเครื่องที่จะทำให้จิตของเรานี่ กระแสจิตนี่มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทุกทีทุกที พอกระแสจิตแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วนี่ ก็จะเป็น เค้าเรียกว่าสมาธิ เมื่อมีสมาธิแล้วก็จะต้องเกิดสติ ถ้าไม่มีสมาธิก็ไม่เกิดสติ เมื่อเกิดสติก็มีปัญญา ปัญญานี่เขาบอกว่าเร็วกว่าแสง แสงนี่เขาว่า ในโลกนี้แสงนี่เร็วที่สุด แต่สู้จิตของคนไม่ได้ เพราะฉะนั้นพอเวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นนี่ ก็จะต้องมาบอกทันทีว่า อย่างนี้อย่าทำนะ อย่างนี้หยุดนะ อย่าทำนะ มันจะมีคำเตือน มันเตือนเอง อันนี้ก็เรียกว่า “ตัวเตือน” ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายที่สุด เพราะถ้าหากว่าไม่มีการทำสมาธิแล้วตัวเตือนตัวนี้จะไม่มี แต่เราทำสมาธิ เราได้ตัวเตือน เฉพาะอย่างยิ่งเรามาเรียนสมาธิกัน เราจะได้ความเยือกเย็น ความเอิบอิ่ม และความซาบซึ้ง อันนี้จะติดอยู่ที่ใจของเรานี้ตลอดไป เพราะฉะนั้นเมื่อพวกเราได้ตั้งใจทำสมาธิขึ้นให้เกิดแก่ตนเองแล้ว ก็ถือว่าเริ่มต้นที่ดี ด้วยเหตุนั้นหลวงพ่อจึงได้ทุ่มเท ทุกความสามารถทุกกระเบียดนิ้ว สร้างเรื่องของสมาธิให้เข้มแข็ง เพื่อที่จะได้ให้ท่านทั้งหลายได้ประสบผล ผลที่เกิดขึ้นจากการที่คุณโยมทั้งหลาย นั่นก็คือพลังจิต พลังจิตที่นอนเนื่องอยู่ที่จิตนี่ มันเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนั้น ไปที่ไหนไม่ว่าจะพูดอะไร ก็จะพูดแต่เรื่องจิต ให้เข้าใจว่า คนเรานี่ถ้าไม่มีจิต เดี๋ยวก็ตายแล้ว ใจออกจากร่างไปเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น เวลานี้จิตยังอยู่ ก็ไม่ตาย เวลาจิตออกไปแล้วก็ตาย มันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นพลังจิตนี่ ถ้ามีพลังจิตอยู่เยอะ ๆ เข้าก็สามารถที่จะมีตัวที่เขาเรียกว่า ตัวเตือน ที่เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้น เรื่องบางเรื่อง บางสิ่งบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นในครอบครัว ในสังคม เค้าเรียกว่า crisis มันก็คือวิกฤตการณ์ วิกฤตการณ์นั้นน่ะ มันเกิดขึ้น มันจะแก้ไขไม่ทัน แต่ถ้ามีพลังจิตแล้ว เราก็จะสามารถแก้ไขทัน ก็สามารถทำความสุขให้แก่ประชาชนเป็นอันมาก แม้ว่าหลวงพ่อจะแก่ชราภาพมากแล้ว ก็ยังคิดหาหนทางทำไม่หยุดหย่อน เพราะฉะนั้นพวกท่านทั้งหลาย พยายามไป ไม่ใช่พยายามเพื่อภพนี้อย่างเดียว พยายามเพื่อภพหน้า ร่างกายของเรานี้จะตายไปก็จริงอยู่ แต่ว่าใจไม่ได้ตายตามร่างกายไปด้วย ถ้าเราไม่ทำพลังจิตอันนี้ไว้นี่ เวลาตายก็ตายเปล่า พอตายเปล่าไปแล้วทีนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นที่ยึดถือ เมื่อไม่มีอะไรเป็นที่ช่วยเหลือ แต่ถ้าหากเราทำสมาธิได้พลังจิตแล้ว มันก็มีสิ่งที่ให้เราได้ยึดถือ แล้วก็เป็นสิ่งที่สามารถกระจายให้กลับกลายเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ดีก็คือ กลายเป็นบุญ เป็นวาสนา เป็นบารมี ซึ่งเราก็ได้สร้างขึ้นให้แก่ตัวของเราเอง โดยที่ว่าไม่ได้หนักหนาอะไร สามารถที่จะทำได้

ก็วันนี้ ก็ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่ทุกสาขาได้มาร่วมกันเป็นจำนวนมาก แล้วก็ได้ฟังความจริงจากท่านรัฐมนตรี จากท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ก็น่าปลื้มใจ สุดท้ายนี้ ก็ขอเจริญพรให้ญาติโยมทั้งหลาย ประสบความสุขความเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ อโรคยะ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ทุกประการเทอญ.”

ลำดับต่อไปเป็นพิธีมอบแท่นบูชา สัญลักษณ์ครบรอบ 20 ปี พร้อมหนังสือครบรอบ 20 ปี สถาบันพลังจิตตานุภาพ จำนวน 203 สาขาทั่วประเทศ และศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันถวายผ้าป่า แด่พระธรรมมงคลญาณ วิ. วาระครบรอบ 20 ปีสถาบันฯ

พระธรรมมงคลญาณ วิ. ได้เมตตานำสวดเจริญเมตตาฌาน

ก่อนจบงานผู้เข้าร่วมงานทุกคนร่วมร้องเพลงอรุณทอแสง และเพลง Shining Sun มอบแด่พระอาจารย์หลวงพ่อฯ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ของเหล่าศิษยานุศิษย์จากทุกสาขาทั่วประเทศ ให้สมดั่งคำปฏิญาณตน ที่นักศึกษาครูสมาธิทุกคน ได้ร่วมกันกล่าว และ ยึดถือปฏิบัติกันสืบมา ที่ว่า “เราจะทำสมาธิแผ่เมตตาจิต แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อความสันติสุขของโลกยิ่งขึ้นต่อไป” PEACE AND PEOPLE IN THE UNIVERSE

Powered by MakeWebEasy.com