เสถียร เสถียรสุต ผู้ชายเบื้องหลังแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

Last updated: 13 ก.พ. 2561  |  16387 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เสถียร เสถียรสุต' มหาเศรษฐีเจ้าของเพลินจิตอาเขต รักแรกและรักเดียวของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง 'เสถียรธรรมสถาน' เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา
"เสถียร เสถียรสุต ผู้ชายเบื้องหลังแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต"

การเป็นเมียน้อยของใครคนหนึ่ง ชีวิตมันก็จบเพียงเท่านั้น มันไม่ได้เติบโตต่อ เพราะชีวิตมันไม่ได้มีแค่นั้น ชีวิตไม่ได้แค่เป็นของใครคนหนึ่ง” คือคำสารภาพของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ในหนังสือเล่มโต ชื่อ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ก้าวย่างทางปัญญา เขียนโดย มนทิรา จูฑาพุทธิ วางแผงปี พ.ศ. 2548 นั่นทำให้ผู้กังขาเกี่ยวกับการออกบวชของท่านเข้าใจเต็มร้อย หลังจากเคลือบแคลงใจมานานปีมาก

นางสาวศันสนีย์ ปัญญศิริ อดีตรองมิสออด๊าซอันดับหนึ่ง ผู้กำลังเป็นประชาสัมพันธ์สถานบริหารร่างกายเวิร์ลคลับ เป็นนางแบบผู้สวย เก๋ บุคลิกงาม มารยาทดี พูดด้วยสุ้มเสียงนุ่มนวล ไพเราะ อีกทั้งยังเป็นพิธีกรชื่อดังทางทีวี พบรักกับเสถียร เสถียรสุต หนุ่มใหญ่รูปหล่อ ผู้จบการศึกษาจากประเทศอังกฤษ เขาเป็นหลานพระยาและยังเป็นเจ้าของเพลินจิตอาเขต แหล่งช็อปปิ้งชั้นนำเมื่อ 30 ปีก่อน ดูเหมือนชีวิตล่องลอยอยู่บนสวรรค์ แต่หนึ่งปีผ่านไป ศันสนีย์จึงรู้ว่า ฝ่ายชายมีครอบครัวแล้ว ความสุขสั้นๆ ที่คั่นอยู่บนกองทุกข์มหึมาทำให้หญิงสาวตัดสินใจหันหลังให้กับทางโลกโดยเด็ดขาดใน 4 ปีต่อมา

ลึกอยู่ในใจนั้น ท่านทราบว่า แม่ผู้เคยเป็นบ้านเล็กของนายอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรมตรอมอย่างไร โดยเฉพาะหลังจากมีลูกสาวคนที่ 2 นามศันสนีย์ไม่กี่วัน นายอำเภอไปเยี่ยมและประกาศว่า เด็กหญิงหาใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไม่ เหตุเพราะเขาพบแม่ผู้เป็นครูประชาบาลนิสัยดีเพียงคืนเดียวแล้วห่างหายนานเกือบ 10 เดือน เพราะถูกบ้านใหญ่ควบคุมตัวไว้ ไม่ให้แอบพบครูผู้น่าสงสารผู้จบชีวิตด้วยโรคหัวใจ ขณะศันสนีย์อายุแค่ 15 ปี

.....................

เสถียร เสถียรสุต กลายเป็นคู่บุญ หรือโยมอุปัฏฐากของแม่ชีศันสนีย์ทันทีที่แม่ชีเริ่มบวชที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ซึ่งตั้งอยู่ในซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา กรุงเทพฯ พระครูภาวนาภิธาน เจ้าอาวาส คอยเกื้อกูลทางสติปัญญาให้ผู้ที่ท่านเรียกขานว่า แม่ชีคุณหนู ที่ใครๆ รู้กันว่าฉลาด หลักแหลม มุ่งมั่น หัวไว กล้า และทะเยอทะยาน แต่เฮี้ยว ดื้อรั้น และเอาแต่ใจตัวเอง แม้จะบวชนานเดือน แต่ยังไม่วางเขี้ยวเล็บเสียทั้งหมด

เสถียรเริ่มด้วยการขออนุญาตหลวงพ่อสร้างกุฏิหลังโตและงามด้วยไม้ชั้นดีให้แม่ชีบวชใหม่ หลังพบว่ากุฏิเก่าคับแคบ ตามด้วยให้คนไปปลูกไม้ดอกและไม้ประดับรอบกุฏิ และแถมด้วยการทำรั้วไม้ระแนงเตี้ยๆ ล้อมรอบเป็นการกำหนดอาณาเขต

เสถียรแวะไปที่กุฏิแม่ชีทุกวัน เพื่อช่วยเหลืองานต่างๆ และเป็นกำลังใจ โดยมีแม่ชีนกหวีดผู้เป็นแม่ชีพี่เลี้ยงอยู่เป็นพยานในการคบหากันอย่างบริสุทธิ์ของชายหญิงคู่นี้

ครั้นเห็นแม่ชีอ่านหนังสือของท่านพุทธทาส เสถียรซื้อหามาให้อีกกว่าสิบเล่ม พอพบแม่ชีร้อยพวงมาลัยเพื่อนำไปบูชาพระในโบสถ์ เขาซื้อมะลิถุงใหญ่พร้อมอุปกรณ์การร้อยมาลัยไปฝาก เมื่อรู้ว่าโบสถ์เก่าไม่แข็งแรงเพราะฐานชำรุด เขาจัดหาวิศวกรและช่างรับเหมาไปบูรณะซ่อมแซม

วันหนึ่งแม่ชีคุณหนูจะเรียนพระอภิธรรม เขาไปนิมนต์พระที่วัดระฆังแล้วจัดห้องเรียนพระอภิธรรมไว้เพื่อต่อไปจะได้ใช้เป็นที่ศึกษาของเหล่าพระภิกษุและแม่ชีด้วย แค่หลวงพ่อพูดเปรยๆ ว่าจะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้เป็นสิ่งเรียนรู้ธรรมเท่านั้น เสถียรก็ขนต้นไม้ไปปลูกจนวัดร่มรื่น ถนนหนทางเข้าวัดไม่ดี เสถียรซื้อรถตู้ถวายวัดเพื่อสะดวกในการขนพระเณร ส่วนงานเทศกาลทอดกฐินและทอดผ้าป่าเล่า เขาเป็นเจ้าภาพเสมอ

....................

7 ปี ผ่านไป แม่ชีคุณหนูคิดจะสึกหลายครั้ง แต่หลวงพ่อใช้อุบายฉุดรั้งไว้ ก่อนมรณะ ท่านฝากฝังศิษย์ก้นกุฏิกับเหล่าพระชื่อดังในฐานะแม่ชีเป็นผู้ช่วยเหลือวัดมากมาย และตั้งใจปฏิบัติธรรม หลวงพ่อเป็นพระอภิญญา จึงรู้จิต อดีต และอนาคตของศิษย์ จึงแนะนำให้ซื้อที่ดินที่ติดกับวัดเอาไว้ เหตุนี้ กาลต่อมาแม่ชีศันสนีย์จึงก่อตั้งเสถียรธรรมสถานในสวนป่ากลางกรุง เนื้อที่ 14 ไร่ ตามที่พระครูตั้งใจไว้ แน่นอน เสถียรทุ่มทุนให้มากมายมหาศาลเหมือนเช่นเคย

เสถียรยังคงเป็นโยมอุปัฏฐากของแม่ชีมาตลอดเวลา 29 ปี ทุกวันนี้เขาเป็นประธานกองทุนเสถียรธรรมสถาน โดยมีแม่ชีศันสนีย์เป็นผู้อำนวยการ เสถียรช่วยด้านทุนและข้อคิดต่างๆ แต่แม่ชีเองก็เพ่งเพียร ใฝ่ธรรมอย่างเข้มข้น จึงได้รับการขานรับทั่วโลกว่า สถานที่แห่งนี้ได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมทุกข์มากเกินบรรยาย

ครั้งหนึ่ง นักข่าวสาวพูดกับแม่ชีว่า “มีหลายคนพูดกันว่า ท่านทำได้เช่นนี้เพราะมีเงิน”

แม่ชีศันสนีย์ยิ้มอย่างมีเมตตา ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสงบเย็นว่า “ยังงั้นหรือจ๊ะ...”

ที่มา : คอลัมน์ ‘ดารณี สุนทรนนท์’
โดย ดารณี สุนทรนนท์ ‘ดานนท์ ย่านตาขาว’ / ขอบคุณรูปจาก เสถียรธรรมสถาน

Powered by MakeWebEasy.com